บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรให้ปาฏิหาริย์เกิด

คนเราทุกคนที่ได้มีโอกาส เกิดมาเป็นมนุษย์นั้น ถือว่าเป็น”ผู้มีบุญมาก” โชคดีมาก เพราะหมายถึง ได้เกิดเป็นสัตว์ที่มีจิตใจสูง มีกายเนื้อ สามารถสร้างบุญกุศลใหม่ได้เต็มที่ เหนือกว่าเทวดาและสัตว์ทั้งปวง มีปัญญา มีกำลัง ความกล้าที่จะทำได้ ต่างกับสัตว์เดรัจฉาน ที่มีลำตัวขวาง มีเพียงสัญชาติญาณ ในการดำรงชีวิต ซึ่งไม่อาจจะ สร้างกรรมดี ได้มาก และไม่อาจบรรลุธรรม ไม่อาจเข้าถึงนิพพานได้เลยบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรให้ปาฏิหาริย์เกิด

 

บูรพาจารย์ท่านกล่าวไว้ว่า เราทุกคนทำให้ตัวเราเองเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ได้

 

เพราะหลักของความศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ จิตใจที่บริสุทธิ์ จิตที่มีพลังบุญบารมี

 

ที่มาการสร้างสมมาเป็นระยะเวลายาวนาน ในหลายภพหลายชาติ  เป็นพลังยิ่งใหญ่มีอยู่ในจิตบริสุทธิ์หรือจิตละเอียด การที่เราได้เกิดมาเป็นคนเพราะจิตที่มีบุญกุศลอยู่แล้ว และยากมากๆ ที่จะได้เกิดเป็นคนจึงต้องใช้โอกาสทองนี้ให้เป็น เพราะแม้แต่เทวดายังอยากเกิดมาเป็นคนเลย เพราะผู้ที่เป็นเทวดาถือว่า การเกิดในโลกมนุษย์เป็นสุขคติภูมิของตน เพราะมนุษย์มีกายเนื้อ สามารถทำความดีได้มากกว่านั่นเอง

 

ครูบาอาจารย์ท่านบอกไว้ว่า มนุษย์ทุกคนนั้นก็คือ พวกเทวดาทั้งหลายที่ได้มาเกิดในอีกภพภูมิหนึ่ง

 

แต่ที่บุญกุศลยังไม่เกิดผลมาให้เห็นทำให้ชีวิตนั้นมีความสุข ความเจริญตามที่เราปรารถนาได้นั้น เป็นเพราะมีผลแห่งกรรมไม่ดีหรือวิบากกรรมไม่ดีส่งผลอยู่

 

การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประการแรกที่อยากจะแนะนำก็คือ เราต้องหมั่นบูชาตัวของเราเองก่อนอื่น จะได้เสวยบุญทั้งหมดที่เราทำมาด้วยการหมั่นสร้างกรรมดี สร้างบุญตามบุญกิริยา 10 เพื่อเป็นเสบียงบุญไว้ใช้ในยามที่ต้องการ ละเว้นกรรมชั่วทั้งปวง หมั่นฝึกอบรมภาวนาที่ถูกต้อง  เพื่อให้จิตนั้นตื่นรู้ขึ้นมา ไม่หลงไปในความมืดอีกตกไปในภพภูมิที่ต่ำกว่านี้อีก เราทุกคนจะมีชีวิตอยู่ในความสว่าง มีบุญกุศลที่มีพลังมหาศาล ที่สว่างไสวนำเราทุกคนออกไปจากความมืด นำทางไปสู่ความสุข ความเจริญ ตามที่เราปรารถนาทุกประการ

 

และการที่เราทำให้ตนเองนั้นเป็นผู้มีบุญกุศลมาก เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วก็จะสามารถรับพลังบุญจากสิ่งศักดิ์อื่นๆ ได้ง่าย ได้อย่างเต็มที่เต็มกำลัง เปรียบเหมือนเครื่องรับที่มีประสิทธิภาพมาก เมื่อเครื่องส่งหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านส่งกระแสบุญมา เราจึงรับได้อย่างเต็มที่

 

หากเราเป็นผู้ที่ชอบสังเกตจะเห็นได้ว่าทำไมครูบาอาจารย์ท่านจึงรู้สิ่งต่างๆ ที่เหนือโลก ทำไมท่านถึงมีวาจาสิทธิ์ มีนิมิตรู้เหตุการณ์ต่างๆ ล่วงหน้าอย่างน่าอัศจรรย์  รู้เรื่องกรรมที่มาที่ไปอย่างทะลุ ก็เพราะท่านได้พากเพียรหมั่นฝึกตน สร้างบุญกุศลมาก ท่านจึงกลายเป็นเครื่องรับที่ดี เป็นภาชนะที่สะอาดใช้ประโยชน์ได้อย่างเต็มที่นั่นเอง

 

การบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้ผล

สำหรับการบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มากไปด้วยบุญบารมีนั้น ขอให้ทำความเข้าใจให้ถูกต้องว่า เราได้ไปทำการสักการะบูชานั้น เป็นการไปขอพร ขอบุญมาเพิ่ม เพื่อไปอนุโมทนาพระคุณความดีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้น ให้ท่านเมตตาช่วยปกป้องคุ้มครอง

 

ไม่ใช่การไปบีบบังคับไปติดสินบนต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เอาของบูชาทั้งหลายไปล่อใจท่าน  ให้เกิดกิเลสแล้วจนเวรกรรมเกิดขึ้นร่วมกับเราอีก

 

ซึ่ง แน่นอนว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่มีภูมิธรรมสูงทั้งหลาย ท่านคงไม่ต้องการให้เกิดเช่นนั้น และที่สำคัญคนที่ไปชักชวน คนที่หลอกลวงแอบอ้าง หรือพยายามให้ท่านก่อกรรมไม่ดี เพราะเอา สิ่งของบูชาไปล่อท่าน คน ๆ นั้น ก็จะได้รับกรรมที่ตนเองก่อขึ้นไว้ด้วย

 

การที่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านได้ให้พร ช่วยให้เราสมปรารถนา เพราะว่าท่านเห็นและสัมผัสได้ถึงพลังในบุญบารมีที่เราได้สร้างสมขึ้นมาด้วยใจบริสุทธิ์ ทานบริสุทธิ์ ผู้รับบริสุทธิ์ บังเกิดเป็น “บุญบริสุทธิ์” และถึงเวลาส่งผลบุญท่านจึงได้เมตตา เท่านั้น ไม่ได้หวังในเครื่องเซ่นไหว้ ลาภสักการะทั้งหลาย

 

จริงๆ แล้วการขอพรนั้นเป็นสิ่งที่ดี ขอได้ทุกโอกาส ทุกวัน ทั้งที่ชีวิตดีปกติอยู่แล้วเป็นการเพิ่มบุญให้มากเพื่อรับมือในวิบากกรรมไม่ดีที่จะมาถึงตัวเมื่อไหร่ไม่รู้ ไม่ใช่พอในยามที่เจอเรื่องร้ายหรือทุกข์ก็วิ่งไปทั่วทิศวิ่งขอพรจนสับสนอลหม่าน ช่วงนั้นจิตยิ่งตก ผลกรรมยิ่งเข้า เงินก็ไม่มี ไปไหนก็ไม่ได้ทำอะไรก็ติดขัด  เราควรไม่ประมาท ต้องฉลาด รู้วิธีขอพรอย่างถูกต้องและได้ผลมากด้วย

 

การขอพรนั้นขอได้หมดตั้งแต่ผู้มีบุญบารมีมากที่สุดคือ พระพุทธเจ้า พระปัจเจกพุทธเจ้า พระอรหันต์พระอริยสงฆ์ พระมหาโพธิสัตว์ พระโพธิสัตว์ทุกพระองค์ ทุกองค์ หรือขอพรกับเทพหรือเทวดา ทุกองค์ และ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ อื่น ๆ ทั้งหลายไม่ว่าจะเป็นพระพรหม พระพิฆเนศวร ฯลฯ

 

เคล็ดลับที่สำคัญมากที่จะได้ผลก็ต่อเมื่อปฏิบัติดีอยู่ในศีล  ด้วยความดี ตั้งใจมั่นศรัทธาของเราความสำเร็จก็จะเกิดขึ้นกับเรา

 

เคล็ดลับอีกประการหนึ่ง ในเวลาที่เรากำลังจะขอพรใด ๆนั้น เราต้องรวมจิตให้มีพลังเพื่อที่จะ เชื่อมบุญต่อกับ สิ่งศักดิ์สิทธิ์เหล่านั้นได้ เราสามารถลองสังเกตดูได้ว่า ในช่วงที่เรามีพลังจิตที่กล้าแข็งนั้น เราจะรู้สึก ปลอดโปร่งสบาย โล่ง หรือ มีอาการขนลุก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัว รู้สึกเหมือนมี แสงวาบขึ้นมาใน จิตใจ แสดงให้เห็นว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ท่านได้รับ รู้แล้วถึงในสิ่งที่เราปรารถนา แต่สิ่งนั้นจะประสบผลหรือไม่ ก็อยู่ที่ พลังบุญของแต่ละบุคคล

 

ความสำเร็จที่เราทุกคนต่างปรารถนานั้น  เราต้องรู้ว่า สิ่งที่เราขอนั้น เป็น บุญ หรือ เป็นบาป ถ้าเป็นบาปก็ไม่ต้องขอ ถ้า เป็นบุญก็ดี ต้องทำให้ดียิ่ง  ๆ ขึ้นไป เวลาขอพรอะไร ต้องมีความเชื่อมั่นและศรัทธา จงเปรียบเสมือนว่า  ตนเองนั้นเป็นเพียงฝุ่นธุลีเล็ก ๆ ที่ได้เข้าไป กราบสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยความ ปีติยินดี จึงจะมีความสุข เมื่อมีความสุข ความสำเร็จก็จะเป็นผลที่บังเกิดตามมา

 

ในทางตรงกันข้าม ถ้าเรา คิดไม่ดี จิตตก หรือ คิดจะทำบาป ก็จะมีความทุกข์ในใจแบบไม่รู้ตัว  ถ้าความทุกข์เกิด ความสำเร็จใด ๆก็จะไม่ปรากฏ ต้อง ปฏิบัติ ดี ทำดี อยู่ใน ศีลธรรม แล้วความสุขรวมไปถึงสิ่งที่เรามุ่งมาดปรารถนาก็จะตามมาให้เห็นอย่างแน่นอน

 

และอย่าขออะไรที่เกินบุญตัวเอง ซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้ เมื่อไม่ได้ก็ขาดความศรัทธาและอาจจะถึงขึ้นไปปรามาสสิ่งศักดิ์สิทธิ์จะกลายเป็นการสร้างกรรมหนักไปเสียที่ชีวิตนอกจากจะหนักอยู่แล้วจะหนักขึ้นไปอีกหลายเท่า

 

เมื่อขอพรแล้วตั้งสัจจะไว้จะทำอะไรก็ตาม จะต้องทำตามนั้น หากลืมก็ต้องรีบไปขอขมาเสีย รีบทำในสิ่งที่ตั้งสัจจะไว้ ยิ่งเมื่อได้สิ่งที่ปรารถนาแล้วไม่ยอมทำตามสัจจะหรือทำแต่น้อยกว่า เป็นเรื่องที่ไม่ดีแน่กับอนาคตข้างหน้า

 

จากหนังสือเรื่อง ปาฏิหาริย์วิชาศักดิ์สิทธิ์ ๔ ห้อยพระ บูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอพรเป็น ได้ทุกสิ่งที่ปรารถนา     โดย ธ.ธรรมรักษ์

 

ใส่ความเห็น

บลอกที่ WordPress.com .