เชื่อมบุญกับพ่อแม่ พระอรหันต์ในบ้าน

การทำบุญเริ่มต้นนั้น หลายคนนึกว่าต้องทำกับพระสงฆ์รูปใดรูปหนึ่ง หมู่คณะใดคณะหนึ่ง วัดใดวัดหนึ่งเท่านั้น หรือแม้กระทั่งต้องทำกับพระสงฆ์เท่านั้นคนยากจน คนไม่มีข้าวจะกิน ผู้พิการ เพื่อนฝูง คนที่ต้องการความช่วยเหลือ สัตว์ต่างๆ เราก็ควรจะทำด้วย

 

แต่กับพ่อแม่ ผู้มีพระคุณกับเรา ที่เราต้องทำบุญกับท่านเหล่านั้นเป็นอันดับแรกด้วยซ้ำ

 

เป็นบุญใหญ่ที่ทุกคนต้องทำ ไม่ใช่แค่ควรทำ ที่ใช้คำว่าต้องทำนั้น เพราะเป็นเรื่องที่ดีที่สุดเป็นบุญใหญ่ที่สุดของคนเลยทีเดียว

 

เพราะพ่อแม่นั้นเปรียบดังพระอรหันต์ ท่านเป็นพระพรหมในบ้านที่ควรกราบไว้เคารพบูชายิ่งกว่าคนที่เราไปทำบุญโดยไม่รู้จักเสียด้วยซ้ำ ท่านได้อดทนบากลำบากเลี้ยงดู อุ้มชูเรามาตั้งแต่เกิด ท่านเอาอนาคต ความฝัน เวลาทั้งหมดของตนโยนทิ้งไป เพื่อลูกทุกคน

 

เมื่อเราเติบใหญ่มีเรี่ยวแรงมากขึ้น ในขณะที่ท่านสูงอายุ ร่างกายเริ่มเสื่อมถอยลงเราควรต้องตอบแทนพระคุณของท่านอย่างเต็มกำลังและสติปัญญา

 

สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี แห่งวัดระฆังโฆสิตาราม หรือสมเด็จโต พระอริยสงฆ์ที่คนไทยรู้จักท่านดี ท่านเคยเทศนาในเรื่องของพระอรหันต์ในบ้าน ที่ลึกซึ้งกินใจมากขออนุญาตนำมาลงในที่นี้ เพื่อเป็นธรรมทานแด่ทุกท่าน และเพื่อความเข้าใจในเรื่องของบุญ

 

ขอโมทนาพระคุณความดีของสมเด็จโต และผู้เกี่ยวข้องที่ถอดความออกมาเผยแพร่ ณ โอกาสนี้ สมเด็จโตท่านเทศนารวมใจความว่า

 

“พระอรหันต์ คือ พระผู้ประเสริฐ คนเราทั้งหลายพยายามค้นหาพระผู้ประเสริฐ เพียงหวังที่จะยึดท่าน เกาะผ้าเหลืองท่าน เกาะหลังของท่าน เพื่อให้ท่านพาไปสู่ความสุข แม้ว่าท่านจะอยู่ไกลสุดขอบฟ้า คนเราก็ยังอุตสาห์ดั้นด้นดิ้นรนไปหา เพียงหวังเพื่อยึดเหนี่ยวและบูชาท่าน

 

แต่พระที่อยู่ภายในที่ใกล้ตัวที่สุดกลับมองข้าม มองไม่เห็นเหมือนใกล้เกลือแต่กับไปกินด่าง อันน้ำใจของพ่อแม่ที่ให้ต่อลูก มีแต่ความบริสุทธิ์ ไม่คิดหวังสิ่งใดตอบแทน เช่นเดียวกับน้ำใจของพระอรหันต์ที่ให้ต่อมนุษย์ ก็มีความบริสุทธิ์เช่นเดียวกัน

 

พ่อแม่จึงเปรียบเสมือน พระอรหันต์ของลูก…

 

…น้ำใจที่มีต่อลูกเช่นนี้เปรียบเท่ากับน้ำใจของพระอรหันต์โดยแท้ พ่อแม่จึงเป็นพระอรหันต์ในบ้านของเราจริงๆ ทำไมพวกท่านจึงไม่คิดที่จะบุญกับพระอรหันต์ที่อยู่ในบ้านของท่านเล่า

 

…ขอให้สาธุชนทั้งหลายผู้มาได้ฟังธรรมในวันนี้ จงกลับไปทำบุญกับพ่อแม่ผู้เป็นพระอรหันต์ในบ้าน การทำบุญแบบนี้จะได้อานิสงส์ทันตาเห็นในชาติปัจจุบัน บุญที่ให้ผลในชาติปัจจุบัน คือ บุญที่ทำกับพระอรหันต์ผู้ประเสริฐ

 

แต่พระอรหันต์ที่อยู่นอกบ้าน พวกท่านไม่อาจจะล่วงรู้ได้ว่าองค์ใดจริงหรือไม่จริง แต่ที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดและเป็นของจริง และบูชาได้อย่างแน่นอน

 

ไม่เคยเห็นผู้ใดเลยที่มีความกตัญญูกตเวทีต่อพ่อแม่แล้ว ต้องพบกับความวิบัติไม่เคยมี มีแต่จะทำมาหากินอาชีพอะไรก็จะเจริญรุ่งเรือง แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง ตกน้ำไม่ไหล ตกไฟก็ไม่ไหม้ มีแต่ความสุข อายุยืนยาว”

 

อานิสงส์ในการทำบุญต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณนี้ จะส่งผลให้ผู้ใดที่ทำได้รับการเคารพนับถือยกย่องจากปวงเทพเทวดา จากคนทั่วไป ได้รับการสนับสนุนทุกเรื่องจากคนรอบข้าง

 

การค้าเจริญก้าวหน้าไม่มีวันขาดทุน เป็นคนที่มีจิตใจงดงาม ไม่มีตกทุกข์ได้ยาก มีทรัพย์สินอันบริบูรณ์ บุตรหลานอยู่ในโอวาทว่านอนสอนง่าย ไม่มีอุบัติภัยในชีวิต โรคร้ายแรงใดๆ ไม่กล้ำกลาย วิบากกรรมหนักจะคลายตัวเป็นเบาหรือถึงขึ้นไม่ส่งผลเลยในชาติ

 

จะเห็นได้ว่าอานิสงส์ในการทำบุญต่อพ่อแม่ผู้มีพระคุณนั้นมีแต่ผลดีทั้งสิ้น ในทางกลับกันคนที่ทอดทิ้ง ปล่อยขว้างไม่ดูแลหรือไปสร้างกรรมทำให้ท่านช้ำใจ เสียใจนั้นผลกรรมไม่ดีที่จะได้รับจะเป็นเรื่องตรงกันข้ามจากที่กล่าวมาทั้งสิ้น เรื่องนี้เชื่อว่าทุกคนคงเคยได้ยิน ได้ฟังว่า คนที่เป็นลูกอกตัญญูนั้นไม่มีวันเจริญขึ้นมาได้เลยในชาตินี้

 

หลายคนสงสัยอีกว่า เราเชื่อมบุญไปให้ พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้วท่านเหล่านั้นจะได้รับบุญหรือไม่เรื่องที่เป็นจุดมุ่งหมายในการทำบุญ เพื่ออุทิศบุญไปให้ผู้ที่ตายไปแล้วนั้น น่าจะเป็นจุดมุ่งหมายแรกๆ ของผู้ที่ทำบุญกันทุกคน

 

บุญกุศลที่ทำให้ผู้ตายนั้นไม่ว่าจะเป็นใคร พ่อ แม่พี่น้อง บรรพบุรุษหรือคนที่เรารักที่เพื่อที่จะให้เขาได้รับบุญที่เราส่งไปให้นั้น เราเป็นผู้ส่งแต่ผู้รับนั้นต้องมีเงื่อนไขหลายประการสำคัญถึงจะรับได้ ในทางพระพุทธศาสนานั้นมีระบุไว้ชัดเจนใน พระไตรปิฎก ขุททกนิกาย เปตวัตถุ พอจะสรุปใจความว่า

 

เปรตหรือผู้รับต้องยอมรับหรืออนุโมทนาบุญที่เราส่งไปให้เขาก็จะได้รับ ถ้าเขาไม่รู้ หรือไม่รับไม่ชื่นชมก็ไม่มีทางรับบุญนั้นได้ อีกทั้งไม่อยู่ในสภาวะที่รับได้ก็จะรับไม่ได้เพราะอยู่ในภพภูมิที่ต่ำมากเพราะถูกลงโทษอยู่ในนรกก็ไม่สามารถรับบุญได้เช่นกัน

 

สำหรับ พ่อแม่ที่ล่วงลับไปแล้ว ถ้าท่านเปิดรับท่านก็รับได้ ยิ่งเป็นการเพิ่มบุญให้ท่านมีบุญบารมี และมีความสุขในภพภูมิของท่าน รวมถึงในพระอริยสงฆ์ ครูบาอาจารย์ท่านจะได้มีบุญเพิ่มมากๆ และช่วยเหลือ คน ดวงจิตวิญาณต่างๆ ได้มาก ถือวาเราได้ร่วมสร้างบุญใหญ่กับท่าน ขอให้อุทิศบุญ เชื่อมบุญไปให้กับท่านเหล่านั้นเยอะ รับรองว่าดีแน่

 

ครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งบอกไว้ว่า สำหรับคนตายที่สะสมกรรมดีมากได้ไปเกิดในภพภูมิเทวดานั้น แม้ท่านจะมีความสุข มีอาหารทิพย์ แต่ถ้าท่านทราบว่าญาติพี่น้องทำบุญแล้วอุทิศให้ท่าน ท่านก็ยินดีรับ ท่านก็ชื่นชมอนุโมทนาด้วย บุญก็เกิดแก่ผู้ทำและผู้รับเช่นกัน แต่ถ้าท่านไม่รับไม่ชื่นชม ก็เหมือนกับเปรตคือ ไม่ได้บุญนั้นเช่นกัน

แต่การอนุโมทนาของเปรตกับเทวดานั้นต่างกัน เทวดาอนุโมทนาแล้วบุญก็เกิดเทวดาเท่านั้น แต่สำหรับเปรตนั้น เมื่อเปรตอนุโมทนาแล้ว นอกจากบุญจะเกิดแก่เปรตแล้ว เปรตยังได้รับข้าวของอันสมควรแก่ฐานะของเปรต ตรงตามที่ผู้อุทิศไปให้ด้วย

 

เช่น มีผู้ถวายอาหารแล้วอุทิศให้เปรต เปรตอนุโมทนา ก็จะได้รับอาหารอันสมควรแก่ฐานะของเปรตด้วย ทำให้เปรตอิ่มหนำสำราญ พ้นจากความหิวโหย หรือเราถวายผ้า เปรตก็จะได้รับผ้าทิพย์ปกปิดร่างกาย ทำให้พ้นจากสภาพเปลือยกายได้ เราถวายน้ำแล้วอุทิศให้ เปรตก็ได้ดื่มน้ำทิพย์พ้นจากความหิวกระหายด้วยอำนาจของการอนุโมทนา

การอุทิศบุญที่ทำแล้วให้เปรตนั้น มิใช่หยิบยื่นของส่งให้ เพราะบุญเป็นนามธรรม จับต้องไม่ได้ เกิดที่ใจ เมื่อใดที่ใจเกิดบุญ ใจก็จะผ่องใส ไม่ขุ่นมัว เพราะฉะนั้น ธรรมชาติของบุญก็คือเป็นเครื่องชำระจิตใจให้ผ่องใส ปราศจากกิเลสเครื่องเศร้าหมอง

 

แต่มีครูบาอาจารย์ท่านหนึ่งท่านบอกวิธีที่จะคนตายนั้นรับบุญได้แน่นอนถ้ายังไม่ไปเกิด คือ การฝากบุญนั้นไว้กับท่านพระยายมบาล พระแม่ธรณี หรือพระอริยสงฆ์ที่เราเคารพนับถือ

 

และเชื่อว่าท่านยังเป็นดวงจิตวิญาณชั้นสูงปฏิบัติธรรมอยู่บนสวรรค์ชั้นต่างๆ เพื่อสร้างบารมีในการเป็นพระพุทธเจ้าในภายภาคหน้า หรือแม้กระทั่งเป็นพระปัจเจกพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ ก็ขอพระเมตตาฝากบุญได้

 

ที่ธ.ธรรมรักษ์ทำเป็นประจำ ก็คือ การขอเมตตาฝากบุญกับหลวงปู่ทวด ครูบาศรีวิชัยเจ้า และอีกหลายองค์ ให้กับบรรพบุรุษ บริวาร ที่ตายไปแล้ว ซึ่งไม่แน่ใจว่าท่านอยู่ในภพภูมิใดแน่ เป็นการไม่เสียหลายในการทำบุญ เพราะเชื่อว่าอย่างน้อยต้องถึงมือท่านเหล่านั้นแน่นอนไม่ว่าในวันใดวันหนึ่ง

 

ถึงแม้ในบางท่านจะต้องไปชดใช้กรรมในนรกขุมไหนก็ตาม เพราะเมื่อผู้ตายนั้นรับทุกข์จนถึงวาระแล้ว กรรมนั้นก็ต้องหมดลงไป ก็จะมีโอกาสที่จะรับบุญได้เพราะได้เลื่อนภพภูมิแล้ว

 

เราต้องเข้าใจว่าสัตว์โลกนั้นย่อมเป็นไปตามกรรม ใครทำได้ย่อมได้ดีไปอยู่ในภพภูมิที่ดี ถ้าหากทำชั่วก็ต้องไปอยู่ในภพภูมิที่มีแต่ความทุกข์ยากลำบาก ต้องรับผลกรรมที่ทำมา ใครจะมารับแทนไม่ได้ หรือจะช่วยให้พ้นทุกข์นั้นไม่ได้

 

หลายคนบอกว่ามีบรรพบุรุษหรือแม้กระทั่งดวงจิตวิญญาณที่เราไม่รู้จักมาเข้าฝันหน้าตาอิดโรยบอกว่า อยากกินโน่นอยากกินนี่ อาหารที่เขาเคยชอบเหมือนตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่

 

ดังนั้นคนที่บอกว่าทำอาหารที่คนตายชอบส่งไปให้นั้น เขาไม่ได้รับอาหารแบบนั้นหรอกไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ดปลาช่อน ไก่ย่าง ขาหมูอะไรที่เราเข้าใจกันผิดๆ ที่เขามาบอกอย่างนั้น

 

เราต้องรู้ว่า บุญที่ส่งไปให้นั้นเป็นของทิพย์ ที่จะทำให้เขาเหล่านั้นมีความสุขมากขึ้นในระดับหนึ่งทั้งเสื้อผ้าทิพย์ น้ำทิพย์ อาหารทิพย์ที่เขาได้รับนั้นไม่เหมือนกับอาหารที่เรากินหรือที่เราทำบุญ

 

แต่ที่เขามาปรากฏตัวมาขออาหารเหล่านั้น เพราะเขายังติดอยู่ในเรื่องจริตเดิมที่ก่อนตายเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น การที่เราเอาอาหารที่เขาชอบมาทำบุญนั้นก็ไม่ผิดแต่อย่างไร ยิ่งเป็นการแสดงเจตนาที่แรงกล้าที่จะช่วยส่งบุญนั้นไปถึงคนตายได้ ยิ่งพยายามทำมาก บุญนั้นก็มาก

 

แต่เราต้องพิจารณาด้วยปัญญาด้วย ว่าคนที่กินอาหารนั้นในความเป็นจริงเป็นใครกันแน่ ระหว่างดวงจิตวิญญาณกับพระสงฆ์ ที่เห็นได้ จับต้องได้ ท่านฉันอาหารเข้าปากให้เห็นกันต่อหน้าเลย

 

เราต้องพิจารณาด้วยความเหมาะสมด้วย พระสงฆ์บางรูปท่านมีอายุมากแล้ว ท่านควรจะฉันอาหารประเภทใด ท่านเป็นคนเหมือนเราทุกอย่าง เพียงแต่ท่านสละแล้วทางโลกมุ่งปฏิบัติธรรม

 

อาหารที่มาทำบุญนั้น ควรจะส่งเสริมให้ท่านเจริญในธรรมได้ดีขึ้น ไม่ใช่เพราะอาหารเหล่านั้นทำให้ท่านเกิดเป็นโรคต่างๆ ทั้งท้องเสีย เบาหวาน ไขมันอุดตันในเลือด ขอฝากไว้ให้ทุกท่านได้เข้าใจตามความเป็นจริงในข้อนี้ด้วย

 

การเชื่อมบุญกับพ่อแม่ควรจะทำเป็นอันดับแรก ยิ่งท่านยังมีชีวิตอยู่ ท่านจะได้เมตตาเรามากขึ้น สำหรับคนที่มีเรื่องขุ่นข้องใจกับพ่อแม่ หรือไปทำอะไรให้ท่านเสียใจ ขอให้อุทิศบุญ เชื่อมบุญให้กับท่านตลอดเวลา เรื่องที่นึกว่าร้ายจะกลายเป็นดี เรื่องที่เอยู่แล้วจะดียิ่งขึ้น

 

เพราะโดยพื้นฐานแล้ว พ่อแม่กับลูกนั้นต่างเป็นเจ้ากรรมนายเวรซึ่งกันและกันตอนก่อนที่เกิด ลูกนั้นเป็นเจ้ากรรมนายเวร ที่เป็นคนเลือกพ่อแม่มาเกิด เปรียบกับเจ้าหนี้นั้น เขาต้องเลือกลูกหนี้ที่ค้างหนี้เขามากที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก ถ้าอยากจะได้หนี้คืน

 

ลูกจึงเป็นคนเลือกพ่อแม่มาเกิด ด้วยกรรมแต่งให้เกิด

 

เมื่อมาเกิดแล้ว คราวนี้พ่อแม่ต้องเลี้ยงดูอุ้มชู เป็นไปตามกรรมลิขิต และก็ได้กลายมาเป็นเจ้ากรรมนายเวรของลูกแล้วในที่นี้ พอแก่เฒ่า ลูกจึงเป็นลูกหนี้ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นการใช้หนี้ตอบแทน

 

การที่จะให้ครอบครัวเป็นสุขนั้น บุญจะต้องมากกกว่าบาป หรือกรรมดีที่มีร่วมกันต้องมากกว่ากรรมไม่ดีที่มีต่อกัน การอุทิศบุญ เชื่อมบุญแก่กันตลอดเวลา บุญย่อมมากขึ้นตลอดเวลา และระวังกรรมไม่ดีประกอบกันไปด้วย ให้เกิดขึ้นน้อยที่สุดเท่าที่ทำได้

 

พ่อแม่และลูกก็จะมีความสุข เมื่อมีวิบากกรรมไม่ดีเข้ามาในครอบครัวก็จะช่วยเหลือกันได้ ขอให้เชื่อมั่นเถิดว่า พลังบุญจะช่วยให้ทุกคนในครอบครัวอยู่กันแบบมีความสุขล้นด้วยแรงบุญที่ทำร่วมกัน

หนึ่งความเห็นตอบกลับที่ “เชื่อมบุญกับพ่อแม่ พระอรหันต์ในบ้าน”

  1. ทุกคำที่บรรยาย เป็นบุญบารมีที่ ข้าพเจ้าอ่าน จริงๆ

ส่งความเห็นที่ รัก มั่นคง ยกเลิกการตอบ

บลอกที่ WordPress.com .