การให้ทานเป็นการสร้างบุญเบื้องต้นที่เราต่างรู้จักกันดี แต่เชื่อหรือไม่ว่าบุญนั้นสามารถเกิดขึ้นได้ ตั้งแต่เริ่มต้นก่อนที่เราจะได้ถวายทานหรือให้สิ่งของใดๆ กับผู้อื่นเสียอีก หากตั้งจิตให้พร้อม หรือฝึกประสาทสัมผัสทั้ง 6 ของเราให้ดี บุญก็เกิดขึ้นได้แล้วโดยยังไม่ต้องเสียเงินเลยสักบาทเดียว
ตั้งประสาทสัมผัสทั้ง 6 ให้พร้อมก็เกิดบุญแห่งทาน
พระพุทธเจ้าทรงตรัสเรื่องการบริจาคทานแบบ “ปะระมัตถะทาน” คือทานระดับสูงที่เกิดจากการตั้งประสาทสัมผัสไว้ในทางที่เป็นกุศล 6 ทางได้แก่
1. ตา เมื่อตาเราได้เห็นรูป ได้เห็นสิ่งของต่างๆ ที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อผู้ที่จะรับทาน เช่นเห็นของจำเป็นที่เหมาะสมสำหรับพระสงฆ์ ควรจะใช้ได้ หรือบริโภคได้ จึงคิดว่าน่าจะนำไปทำบุญทำกุศลได้ เพียงเท่านี้ก็เกิดบุญขึ้น
2. หู คือเมื่อเราได้ยินได้ฟังคนอื่นชักชวนให้ไปทำบุญทำกุศล จิตเกิดความเลื่อมใสอยากทำประโยชน์ อยากไปกับเขาเมื่อได้ยินเสียงพูดก็มีกำลังใจอยากไปสร้างคุณงามความดีให้กับผู้อื่นบ้าง จิตก็เกิดกุศลขึ้น บุญก็เกิดขึ้นตาม
3. จมูก เช่นเมื่อจมูกได้กลิ่นของหอม อย่างกลิ่นดอกไม้ ของหอม ธูปหอม กลิ่นของอาหารที่น่ากินและมีประโยชน์ ก็นึกอยากจะนำไปถวายพระ นำไปตักบาตร น่าจะไปทำโรงทานจิตก็เกิดเป็นเมตตาต้องการให้ผู้อื่นได้กินอิ่ม บุญก็เกิดขึ้น
4. ลิ้น เช่นเมื่อเราได้ลิ้มรสสิ่งของที่เป็นอาหารการกินทั้งหลาย เช่น อาหารคาวหวานที่มีประโยชน์รสชาติดี ได้ดื่มน้ำผึ้ง น้ำอ้อย ที่รสชาติดีก็น่าจะนำไปถวายภิกษุหรือ ให้กับคนยากไร้บ้าง เพียงแค่นึกเอาเท่านั้น แม้จะยังไม่ได้นำมาทำบุญจริง บุญก็เกิดขึ้นแล้ว
5. กาย เช่น เมื่อเราไปสัมผัสถูกต้องกับเครื่องนุ่งห่มชนิดต่างๆ เช่นไปสัมผัสผ้าที่เนื้อละเอียดมีคุณภาพดีก็นึกอยากถวายผ้าจีวรให้ภิกษุน่าจะดี หรือ เอาไปทำอาสนะผ้าปูรองนั่งน่าจะได้บุญกุศล แค่นึกเอาในใจเท่านั้น แต่ยังไม่ได้นำมาถวายภิกษุ นึกไว้เสมอๆ บุญก็เกิดขึ้น
6.จิต คือ ในประสาทสัมผัสที่ระลึกถึงความปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุข 5 อย่างนั้น ได้รวมเป็นธรรมารมณ์ที่อยู่ในจิตใจของเรา เมื่อจิตใจแสดงเจตนาว่าจะนำสิ่งใดไปทำบุญก่อน แล้วเราก็ไปแสวงหาสิ่งเหล่านั้นมาเพื่อนำไปทำบุญ แม้ว่ายังไม่ได้ไปทำ ก็เรียกว่าได้บุญระดับหนึ่งเหมือนการมีเชื้อไฟที่ดีพร้อมมีคุณภาพเวลาจุดไฟให้ติด ไฟก็ลุกได้ดีฉันนั้น
จากหนังสือเรื่อง สร้างบุญบารมีอานิสงส์สูง ไม่เสียเงินแม้แต่สลึกเดียว โดย จิตตวชิระ
ใส่ความเห็น