ภพภูมิของเทวดานั้นเป็นภพภูมิที่สูงขึ้นไปจากภพมนุษย์ หากเป็นภพภูมิที่ได้รับการปรับจากผู้ที่มีทุกข์อยู่ให้กลายเป็นผู้มีความสุขก็เป็นได้ในระดับของเทวดาชั้นล่างที่อาศัยอยู่ในโลกมนุษย์ คือ ภุมมะเทวดาผู้อาศัยอยู่ตามภูเขาเดินดิน หรือ ซุ้มประตู,รุกขเทวดา ผู้อาศัยอยู่ตามต้นไม้, หรือ
อากาศเทวดาผู้มีวิมานอาศัยอยู่ในอากาศ
เจ้ากรรมนายเวรผู้กลายเทวดาเหล่านี้ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปที่ท่านยังมีกิเลสต้องการความสุขอยู่และจะได้เสวยสุขไปเพียงอย่างเดียวอยากจะได้อะไรก็เพียงแต่นึกเอาตามใจปรารถนา ต่างจากการเป็นเจ้ากรรมนายเวรที่มีแต่ความทุกข์ไร้อิสระ
เทวดานั้นเป็นภพภูมิที่เป็นทิพย์ การที่ท่านจะมีความสุขได้ก็ไม่ต่างจากเจ้ากรรมนายเวรคือท่านต้องการบุญเช่นเดียวกัน เพราะว่าท่านมีแต่กายทิพย์ไม่อาจทำความดีเพิ่มได้ดังนั้นเราก็ต้องทำบุญอุทิศเชื่อมบุญไปให้ท่านด้วยหลักการเช่นเดียวกับที่เราทำให้กับเจ้ากรรมนายเวร แต่จะมีความแตกต่างกันในคำกล่าวอุทิศให้คือ หลังจากทำบุญแล้วให้อุทิศบุญให้ท่านว่า
“อิทัง สัพพะเทวานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา” ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวงจงมีความสุข
ด้วยเหตุที่ว่าชีวิตเรามีทั้งพ่อแม่ ญาติพี่น้อง ครูบาอาจารย์ เทวดา เปรตภูตผีปีศาจ เจ้ากรรมนายเวร ฯลฯภายหลังการทำบุญทุกครั้งจึงจะต้องมีการกล่าวอุทิศเพื่อเชื่อมให้ครอบคลุมทั้งหมด เมื่อเชื่อมบุญส่งบุญให้กับเทวดาท่านแล้ว ทีนี้ทั้งฐานะของเรา ทั้งรูปร่างหน้าตาหัวนอนปลายเท้า และคุณงามความดีที่มอบส่งให้แก่กันเราก็ได้ทำไปหมดแล้ว ท่านเทวดาก็จะได้รู้จักเรา เวลาที่เราเกิดเรื่องราวเดือดร้อนอะไรก็ตาม ท่านก็จะมาช่วยเราได้
หลักการขอพร,ขอความช่วยเหลือจากเทวดาให้ได้ผล
ที่ต้องกล่าวว่าเราจะไปขอพรหรือขอความช่วยเหลือนั้น เราต้องไม่ลืมว่า ในขณะนี้ท่านได้กลายเป็นเป็นเทวดาท่านมีภพที่อยู่สูงกว่าเราต้องไปสักการบูชาทำความเคารพ ขอโมทนาคุณความดีของตัวท่านให้ช่วยคุ้มครองและดลใจให้เราไม่เดินทางผิดและทำดีต่อไป
ดังนั้นการไปขอความช่วยเหลือนั้นไม่ใช่การไปขอร้องให้ช่วยด้วยการ “ติดสินบน” โดยการเอาของไปเซ่นไหว้หรือล่อใจท่าน อย่าลืมว่าเทวดาท่านก็เป็นภพภูมิที่ยังมีกิเลส การไปสร้างกิเลสให้ท่านก็นับว่าเป็นบาปอย่างหนึ่งทำให้กลายเป็นว่า ท่านจะไปสร้างกรรมร่วมกับเราแทนซึ่งแน่นอนว่าเหล่าเทวดาผู้ต้องการความดีคงไม่ปรารถนาเช่นนั้นไม่อย่างนั้นก็จะกลายเป็นเจ้ากรรมนายเวรกันกับเราต่อไป
ที่สำคัญคือ หากเราเป็นคนหนึ่งที่ไปชักชวนให้ท่านเกิดกิเลสให้ท่านร่วมก่อกรรมไม่ดีเพราะเอาสิ่งของไปล่อไปติดสินบน เราก็จะต้องพลอยรับผลกรรมไม่ดีไปด้วย ขอให้คิดใหม่ว่าที่ท่านช่วยให้พรและให้ความเมตตานั้นท่านไม่ได้หวังเครื่องเซ่นไหว้ใด ๆท่านได้ช่วยเราด้วยความบริสุทธิ์ใจเช่นเดียวกับการที่เราบริสุทธิ์ใจไปขอท่านจะทำให้ท่านได้สร้างบุญเพิ่ม
การขอพรนั้นเป็นสิ่งที่ดีและขอได้ทุกโอกาสขอได้กับเทวดาทุกองค์ ไม่มีเทวดาองค์ไหนมาคอยอยู่ประจำตัวดูแลเราตัวต่อตัว แน่นอน เมื่อเรายังคงอยู่ในศีลมีบุญติดตัว มีความตั้งใจมั่นและศรัทธาในความดี รับรองว่าความสำเร็จบังเกิดขึ้นกับเราแน่ ๆ
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือ ในขณะที่กำลังขอพรหรือขอความช่วยเหลือนั้นสิ่งที่ขอก็ต้องเป็นเรื่องที่ดีด้วยหากจุดประสงค์ในการขอไม่บริสุทธิ์ จิตก็จะไม่สะอาดไม่อาจก่อพลังงานที่ดีขออะไรไปก็ไม่ได้ผลไม่เกิดอะไรขึ้นและเทวดาก็คงไม่อำนวยผลให้เกิด ถ้าท่านทำอย่างนั้นก็เท่ากับว่าท่านได้ทำบาป แล้วของที่ไม่ดีอย่างกรรมชั่วและบาปนั้นไม่มีใครเขาอยากได้เพราะกลายเป็นว่าท่านจะได้สร้างเจ้ากรรมนายเวรขึ้นมาใหม่อีกไม่รู้จบ
เมื่อจุดประสงค์ดี จิตใจสะอาดและสิ่งที่ขอกำลังจะเป็นผลให้ลองสังเกตดูว่า ช่วงเวลาที่จิตใจสะอาดจะมีมีความกล้าแข็งทางจิตขึ้นด้วยจะมีความรู้สึกโล่งโปร่งสบาย อาจมีอาการขนลุก น้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวหรือมีแสงสว่างวาบขึ้นมาในจิตแสดงว่า เทวดาท่านรับรู้แล้วในสิ่งที่เราต้องการและท่านจะช่วยอำนวยพรให้ส่วนเรื่องจะประสบผลสำเร็จดังที่ตั้งใจหวังหรือไม่ ก็อยู่ที่กรรมลิขิตตามหลักของ “กฎแห่งกรรม”
องค์ประกอบอื่น ๆในการบูชาเทวดา
ตามความเชื่อในการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายนอกจากไหว้พระพุทธรูปที่เปรียบเสมือนตัวแทนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้วเรามักจะพบเห็นสิ่งอื่น ๆประกอบการบูชาเสมออย่างเช่น ของเซ่นไหว้หรือการจุดธูปบูชา
ของเซ่นไหว้จำเป็นหรือเปล่า ?
การบูชาเทวดาด้วยอาหารคาวหวานนั้น เชื่อว่าเป็นพิธีกรรมที่มาจากวิชาไสยศาสตร์เสียมากกว่าโดยจะดูไปถึงนิสัยเดิมของเหล่าเทวดาในระหว่างที่ยังมีชีวิตอยู่ขณะที่เป็นมนุษย์ว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร เช่น ขณะที่เป็นมนุษย์ชอบรับประทานเนื้อก็มักจะเอาเนื้อสดมาบูชา หรือชอบรับประทานไข่ก็เอาไข่มาบูชา ชอบดื่มเหล้า ก็มักจะเอาเหล้ามาบูชา หรือถ้าไม่รู้ว่าเทวดาท่านชอบอะไรก็มักจะเตรียมกันมาแบบครบเครื่องเผื่อเหลือเผื่อขาด ให้เลือกเอาได้ตามสบาย
แต่อย่างที่กล่าวนำไปแล้วว่า โดยปกติภพภูมิของความเป็นเทวดาท่านจะมีทิพย์สุขอยู่แล้วอยากได้อะไรก็มักจะนึกเอาได้ดังใจปรารถนา เรื่องของการเอาของมาเซ่นไหว้นี้ จริง ๆแล้วน่าจะเป็นความเชื่อเพื่อไหว้ “วิญญาณ” หรือ “ผี” ที่ต่ำลงมาจากชั้นเทวดามากกว่า เช่น วิญญาณบรรพบุรุษหรือเจ้าที่ที่เคยอาศัยอยู่บริเวณนั้น
ซึ่งหากใครมีความเชื่อส่วนตัวว่า วิญญาณหรือเจ้าที่ที่ไหว้จะเป็นเทวดาบรรพบุรุษที่มีความผูกพันกันมาคอยดูแลปกปักรักษาอยู่ก็ไม่ว่ากัน ขอเพียงแต่หลังจากถวายของเซ่นเหล่านั้น ไปแล้ว อย่าลืมทำบุญแล้ว อุทิศส่วนบุญส่วนกุศลด้วยการกรวดน้ำไปให้ท่านด้วย เพื่อจะได้ให้ท่านมีพลังบุญเพิ่มจะได้ส่งเสริมให้ท่านได้ไปสู่ในภพที่สูงกว่าและมีความสุขกว่ายิ่ง ๆขึ้นไป
การจุดธูป
การจุดธูปบูชานี่พบเห็นกันมานานแล้ว ส่วนใหญ่มักจะเป็นคำถามเสมอว่า บูชาเทวดาจะต้องจุดกี่ดอก แถมยังมีแบ่งด้วยว่าบูชาเทวดาชั้นนั้นชั้นนี้ต้องจุดเท่านั้นเท่านี้ดอก ก่อนจะบอกว่าจะจุดอย่างไร จุดกี่ดอก ขออธิบายความเรื่องการจุดธูปหรือเครื่องหอมให้เข้าใจอย่างแท้จริงเสียก่อน
ในช่วงที่พระพุทธเจ้าใกล้จะปรินิพพานที่เมืองกุสินารา ก็มีเหล่าอุบาสกอุบาสิกา รวมทั้งเทพและเทวดาทุกชั้นฟ้าต่างลงมาถวายความเคารพพระพุทธองค์คือมีทั้งดอกไม้ที่เป็นดอกไม้ทิพย์ของภพภูมิเทวาและดอกไม้ของมนุษย์รวมไปถึง ของหอมต่าง ๆเช่น กำยาน ธูปเทียน เป็นต้น ซึ่งในเรื่องนี้พระพุทธองค์ทรงทราบดีอยู่แล้วถือเป็นการบูชาพระองค์อย่างหนึ่งที่เรียกว่า เป็นอามิสบูชา
เพราะในยุคนั้นมีความเชื่อเรื่องเทพเจ้า เทวดา และภูตผีมาก่อนอยู่แล้วการนำสิ่งของที่เป็นของหอมทั้งหลายมาบูชาจึงถือเป็นเรื่องปกติแยกจากกันไม่ได้พระพุทธองค์ไมได้ทรงห้ามการบูชาแบบนี้แต่ก็ยังทรงตรัสกับพระอานนท์ว่า
“อานนท์ พุทธบริษัททั้งสี่ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา ทำการสักการบูชาเราด้วยเครื่องบูชาสักการะทั้งหลายอันเป็นอามิส คือ ดอกไม้ ธูปเทียน เป็นต้น หาได้ชื่อว่าบูชาตถาคตเป็นการอันยิ่งไม่ ผู้ใดที่ปฏิบัติตามธรรมปฏิบัติอันชอบยิ่ง ปฏิบัติธรรมอันเหมาะสม ผู้นั้นแลชื่อว่าสักการบูชาเราด้วยการบูชาอันยอดเยี่ยม”
ที่มา : พุทธโอวาทก่อนปรินิพพาน โดยพระอาจารย์วัน อุตตะโม
แปลว่าพระองค์ยกย่องการบูชาด้วยการปฏิบัติเป็นสำคัญ ส่วนพวกของหอมทั้งหลายที่นำมาบูชาก็ถือเทียบเปรียบเปรยว่าเป็นกลิ่นหอมของความดีอย่างเช่น กลิ่นของธูปหอมหรือกำยานเป็นต้น คนดี ๆมักจะมีกลิ่นหอมติดตัว เทวดาก็มีกลิ่นหอมปรากฏอยู่ในกายทิพย์ทั้งสิ้น
ดังนั้นเรื่องความเข้าใจเรื่องการจุดธูปจึงมีที่มาที่ไปแบบนี้ครับคือ จุดได้ตามความเชื่อที่ได้เชื่อได้ยินกันมาเพื่อเป็นการสักการบูชาทางหนึ่ง โดยการจุดธูปบูชาเทวดานั้น ท่านเจ้าพิธีผู้รู้ได้กรุณาให้คำแนะนำมาดังนี้
จุดธูป 9 ดอก จุดประสงค์เพื่อการบูชาเทวดาชั้น รุกขเทวดา เจ้าป่าเจ้าเขา หรือ ศาลพระภูมิ
จุดธูป 11 ดอก จุดประสงค์เพื่อการบูชาเทวดาชั้นสูง
จุดธูป 16 ดอก จุดประสงค์เพื่อบูชาและอัญเชิญเทพและเทวดาชั้นสูงขึ้นไปอย่าง พระพรหม เพื่ออัญเชิญเทวดาทั้ง 16 ชั้นฟ้าลงมาฟังธรรมหรือการประกอบพิธีทางศาสนา (นิยมสวดบทชุมนุมเทวดาก่อนประกอบพิธีด้วย)
จุดธูป 19 ดอก จุดประสงค์ เพื่อบูชาเทวดาทั่วทั้ง 10 ทิศ
จุดธูป 108 ดอก จุดประสงค์เพื่อบูชาเทพเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายทั่วทั้งโลก ทุกชั้นฟ้า
ความเชื่อเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของการบูชาตามความเชื่อดั้งเดิมของพวกพราหมณ์ การบูชาที่ดีที่สุดคือการปฏิบัติดีให้ชอบด้วยตัวของตัวเองจึงจะได้ผลดีที่สุด การจุดธูปตามความเชื่อนั้นหากจะจุดบูชาก็สามารถจุดได้ตามความประสงค์ แต่ถ้าเราไม่ได้ทำความดี ,ไม่ทำบุญทำทาน หรือไม่เคยอุทิศส่วนบุญส่วนกุศลใด ๆเลย จู่ ๆนึกอยากบูชาเทวดาขึ้นมาก็ไปจุดธูปไหว้ท่านเพื่อหวังจะให้ท่านช่วย ท่านก็คงช่วยอะไรไม่ได้ต่อให้จุดเป็นพัน ๆดอกก็ตาม
บทสรุป
คุณผู้อ่านทุกท่านคงจะพอเกิดความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายมากยิ่งขึ้นและเป็นความจริงที่ว่าชีวิตของคนเรานั้นมีเจ้ากรรมนายเวรทั้งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตอยู่มากมายนับไม่ถ้วน การสร้างบุญเพิ่มบุญและเชื่อมบุญให้กับเขาเหล่านั้นเป็นวิธีการเดียวที่จะพาเราให้พ้นออกจากเคราะห์กรรมทั้งหลาย และหนุนนำให้ชีวิตได้พบกับความสุขความเจริญ ทำให้เจ้ากรรมนายเวรพอใจยอมเลิกราวางมือไปจากชีวิตเรา นอกจากนั้นการสร้างบุญที่ต่อเนื่องยาวนานและมีความสม่ำเสมอพอจะทำให้ผลบุญทั้งหมดทั้งในอดีตชาติ ชาติภพในปัจจุบันได้ส่งผลออกดอกให้ใช้อย่างมีความสุขได้อย่างเต็มที่ ชีวิตก็จะรุ่งเรืองมีความสุข
การที่ชีวิตของคนเราจะเสื่อมถอยลง จะเจริญขึ้นจะมีความสุขหรือจะทุกข์สิ่งสำคัญขึ้นอยู่กับ “การกระทำ ณ เวลา ปัจจุบันเป็นพื้นฐาน ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับการที่เทวดาจะบันดาลให้ไปเป็นอย่างนั้นอย่างนี้หรือเจ้ากรรมนายเวรได้อาฆาตแค้นคอยฉุดรั้งไม่ให้เจริญแต่เพียงอย่างเดียว เมื่อได้สร้างบุญประกอบกรรมดีให้มากพอ ผลดีก็จะส่งผลกับชีวิตของเราเอง
โดยทั้งเหล่าเทพและเทวดาทั้งหลายท่านก็จะคอยติดตามดูแลเราได้เพราะว่าเราได้มีคุณธรรมที่ใกล้เคียงหรือเสมอกับท่าน เวลาที่มีเรื่องเดือดร้อนอะไรพลังอำนาจคุณความดีที่อยู่ในตัวเรา เมื่อรวมกับการขอพลังเสริมจากเหล่าเทพเทวดามารวมกันก็จะพาให้เราออกจากเคราะห์กรรม และ มีความสุขได้ในทุกเรื่อง หากเป็น เจ้ากรรมนายเวรท่านก็จะได้ให้อภัยและปลดปล่อยให้เราเป็นอิสระ ขอให้ระลึกถึงการกระทำดีอันเป็นสิ่งที่ทรงพลังสูงสุดเป็นพื้นฐานชีวิต รับรองว่าเทวดาท่านเห็นเจ้ากรรมนายเวรก็จะเลิกอาฆาตและอาจกลายเป็นผู้ที่คอยช่วยเหลือส่งเสริมให้เราประสบความสำเร็จได้ในที่สุด
สุดท้ายนี้ผู้เขียนขออุทิศบุญกุศลทั้งหมดที่เกิดขึ้นจากหนังสือเล่มนี้ให้กับ บิดามารดา ครูอาจารย์ ปวงเทพเทวดาทั้งหลายและคุณผู้อ่านทุกท่าน ให้บุญกุศลที่เกิดจากความตั้งใจในการถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดเป็นแนวทางและพลังปัจจัยให้ผลบุญกุศลบังเกิดขึ้น ให้ทุกท่านมีความสุขสมหวังในทุกสิ่งที่ท่านปรารถนาทุกประการ
ขอให้เทวดาจงคุ้มครอง เจ้ากรรมนายเวรเลิกอาฆาตและโชคดีตลอดไป
……………………………..